(12 มกราคม 2553) ปาปัวนิวกินี 6.2 ริกเตอร์ (1 กุมภาพันธ์ 2553) แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 5.9 ริกเตอร์ (4 กุมภาพันธ์ 2553) เกาะริวกิว ญี่ปุ่น 7.0 ริกเตอร์ (26 กุมภาพันธ์ 2553) ชิลี 8.8 ริกเตอร์ (27 กุมภาพันธ์ 2553) ไต้หวัน 6.4 ริกเตอร์ (4 มีนาคม 2553) นี่คือเหตุการณ์การเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เมื่อไม่นานบนโลกนี้ และอีกหลายประเทศทางใต้ของประเทศไทยอย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ยังคงเกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องรวมทั้ง...
ล่าสุดบ่ายวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554 ในขณะที่ทุกคนบนโลกใช้ชีวิตตามปกติ ก็เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวมาเยือนโลกใบนี้อีกครั้ง สถานที่เกิดเหตุห่างจากจังหวัดมิยากิ หมู่เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น 130 กิโลเมตร และห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 380 กิโลเมตร
แรงสั่นสะเทือนจากการเกิดแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ ส่งผลกระทบทำให้เกิดคลื่นยักษ์หรือสึนามิสูงกว่า 10 เมตร ซัดถล่มบริเวณพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดมิยากิได้รับความเสียหายรุนแรงในรอบ 140 ปี ถึงขนาดทำให้เกาะฮอนชูเขยื้อน 8 ฟุต และทำให้แกนโลกเคลื่อน 10 กว่าเซนติเมตร (ซึ่งเป็นแกนโลกสมมติ) เหตุการณ์นี้ได้สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินชาวญี่ปุ่นอย่างมหาศาล
หลายสมมติฐานตั้งข้อสังเกตว่า หากแกนโลกเคลื่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทั้งอากาศ เวลา และอื่นๆ ไปดูกันว่านักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นเขาได้คาดการณ์ไว้ว่าอย่างไรบ้าง

แล้วยังส่งผลให้ระยะเวลาในหนึ่งวันสั้นหรือช้าลงไป 1.26 ไมโครวินาที (1 ไมโครวินาที เท่ากับ 1 ในล้านวินาที)
และแผ่นดินไหวที่ชิลี 8.8 ริกเตอร์ ทำให้แกนโลกเอียงไป 8 เซนติเมตร จึงทำให้โลกร้อนเพิ่มขึ้นและโลกหนาวเพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วขึ้น
ผลที่ตามมาก็คือชายฝั่งทะเลทั่วโลกจมน้ำเพิ่มขึ้นทุกปี ฝนตกมากนานผิดปกติในแต่ละพื้นที่ ดินบนภูเขาพังทลายทับหมู่บ้าน และน้ำท่วมนานนับเดือน เพราะน้ำทะเลเอ่อสูงดันน้ำในแม่น้ำไว้
ซึ่งก่อนและหลังจากแผ่นดินไหว ก็มีเหตุธรรมชาติที่เกิดมาแล้วทั่วโลก ที่เป็นสิ่งบ่งชี้หรือว่าเตือนมนุษย์โลกแล้ว นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า แกนโลกจะเอียงหนึ่งครั้งในทุก 40,000 ปีเศษๆ








ทั้งนี้ทั้งนั้น เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เมื่อแกนโลกเกิดการพลิกตัว
ส่วนข้อมูลที่มักได้ยินว่า โดยปกติแกนโลกก็เคลื่อนอยู่แล้วตามธรรมชาติ ก็น่าจะเป็นความเข้าใจสับสนระหว่างแกนโลกกับแกนแม่เหล็กโลก
“ข่าวที่ว่าแกนโลกมีการเคลื่อนอยู่ตลอดจริงๆ แล้วคือแกนแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก ซึ่งเกิดจากโลหะเหลวภายในโลก ภายใต้อุณหภูมิสูงๆ ในเปลือกโลกและมีการไหลวน ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าและผลิตสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมา โดยปกติแล้วมันจะกลับทิศของขั้วเหนือ-ใต้อยู่บ้าง ซึ่งปัจจุบันนี้มันก็ไม่ตรงกับแกนหมุนของโลก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แกนแม่เหล็กเคลื่อนอาจจะเป็นสาเหตุเดียวกับที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว เพราะการที่เปลือกโลกมันเคลื่อนเนื่องจากมีการไหลวนของของเหลวภายในเปลือกโลก”
เช่นเดียวกันกับวรวุฒิ ตันติวนิช อดีตผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี ที่อธิบายถึงข้อมูลที่หลายคนเข้าใจว่า แกนโลกนั้นเคลื่อนที่จริงๆ เป็นความเข้าใจผิด เพราะที่เคลื่อนคือแกนโลกสมมติต่างหาก
"เรื่องแกนโลกที่ทำให้โลกหมุนกับแกนโลกสมมตินี้ มันเป็นคนละเรื่องกัน เพราะแกนโลกสมมติได้มาจากการใช้ดาวเทียมจีพีเอส เพื่อคำนวณหารูปทรงของโลก เพราะฉะนั้นถ้ามันเปลี่ยนไปนิดเดียวก็ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นเลย ขณะที่แกนโลกจริง มันต้องเอียงอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่เอียงก็ไม่มีฤดู
"แต่สาเหตุที่เขาต้องประกาศออกมา เพราะถ้าอะไรมันเคลื่อนไปนิดหนึ่ง ก็จะทำให้สมมาตรของโลก ซึ่งภาษา’รางวัด’ ของ เรียกว่า จิออย มันเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเวลาที่แผ่นดินไหว เปลือกโลกมันเคลื่อน น้ำหนักมันเคลื่อน ขยับตัวไป ลักษณะภูมิประเทศมันเปลี่ยนไป ก็ทำให้แกนโลกสมมตินี้ขยับไปนิดหนึ่ง แล้วที่สำคัญแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ทุกครั้ง นาซาจะต้องคำนวณว่า แกนโลกสมมติเปลี่ยนไปอย่างไร เพื่อจะปรับตัวจิออย จะได้อ่านค่าจีพีเอสได้เหมือนเดิม"
ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าแกนโลกสมมติหรือแกนโลกจริงจะเอียงหรือเคลื่อนที่ไปเท่าไหร่แล้ว แต่ความเป็นจริงในตอนนี้ก็คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่าหวาดกลัวของเหล่ามนุษยชาติได้เกิดขึ้นจริง และเราก็ได้เห็นกันบ่อยๆ แล้ว ซึ่งนอกจากจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงแล้วยังเกิดขึ้นในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น ‘2012 วันสิ้นโลก’ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว หรือสึนามิ หรือภาพยนตร์ไทยเรื่อง ‘2022 Tsunami สึนามิ วันโลกสังหาร’ นั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์ก็เตรียมตัวและเตรียมใจรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ที่เรียกว่า 'ภัยธรรมชาติ' ไว้แล้วเสมอ แล้วคุณล่ะเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่เริ่มผิดปกติที่กำลังคืบคลานมาเยี่ยมคุณและครอบครัวในทุกๆ ฤดูกาลนี้อย่างไรบ้าง
“ข่าวที่ว่าแกนโลกมีการเคลื่อนอยู่ตลอดจริงๆ แล้วคือแกนแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก ซึ่งเกิดจากโลหะเหลวภายในโลก ภายใต้อุณหภูมิสูงๆ ในเปลือกโลกและมีการไหลวน ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าและผลิตสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมา โดยปกติแล้วมันจะกลับทิศของขั้วเหนือ-ใต้อยู่บ้าง ซึ่งปัจจุบันนี้มันก็ไม่ตรงกับแกนหมุนของโลก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แกนแม่เหล็กเคลื่อนอาจจะเป็นสาเหตุเดียวกับที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว เพราะการที่เปลือกโลกมันเคลื่อนเนื่องจากมีการไหลวนของของเหลวภายในเปลือกโลก”
เช่นเดียวกันกับวรวุฒิ ตันติวนิช อดีตผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี ที่อธิบายถึงข้อมูลที่หลายคนเข้าใจว่า แกนโลกนั้นเคลื่อนที่จริงๆ เป็นความเข้าใจผิด เพราะที่เคลื่อนคือแกนโลกสมมติต่างหาก
"เรื่องแกนโลกที่ทำให้โลกหมุนกับแกนโลกสมมตินี้ มันเป็นคนละเรื่องกัน เพราะแกนโลกสมมติได้มาจากการใช้ดาวเทียมจีพีเอส เพื่อคำนวณหารูปทรงของโลก เพราะฉะนั้นถ้ามันเปลี่ยนไปนิดเดียวก็ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นเลย ขณะที่แกนโลกจริง มันต้องเอียงอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่เอียงก็ไม่มีฤดู
"แต่สาเหตุที่เขาต้องประกาศออกมา เพราะถ้าอะไรมันเคลื่อนไปนิดหนึ่ง ก็จะทำให้สมมาตรของโลก ซึ่งภาษา’รางวัด’ ของ เรียกว่า จิออย มันเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเวลาที่แผ่นดินไหว เปลือกโลกมันเคลื่อน น้ำหนักมันเคลื่อน ขยับตัวไป ลักษณะภูมิประเทศมันเปลี่ยนไป ก็ทำให้แกนโลกสมมตินี้ขยับไปนิดหนึ่ง แล้วที่สำคัญแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ทุกครั้ง นาซาจะต้องคำนวณว่า แกนโลกสมมติเปลี่ยนไปอย่างไร เพื่อจะปรับตัวจิออย จะได้อ่านค่าจีพีเอสได้เหมือนเดิม"
ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าแกนโลกสมมติหรือแกนโลกจริงจะเอียงหรือเคลื่อนที่ไปเท่าไหร่แล้ว แต่ความเป็นจริงในตอนนี้ก็คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่าหวาดกลัวของเหล่ามนุษยชาติได้เกิดขึ้นจริง และเราก็ได้เห็นกันบ่อยๆ แล้ว ซึ่งนอกจากจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงแล้วยังเกิดขึ้นในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น ‘2012 วันสิ้นโลก’ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว หรือสึนามิ หรือภาพยนตร์ไทยเรื่อง ‘2022 Tsunami สึนามิ วันโลกสังหาร’ นั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์ก็เตรียมตัวและเตรียมใจรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ที่เรียกว่า 'ภัยธรรมชาติ' ไว้แล้วเสมอ แล้วคุณล่ะเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่เริ่มผิดปกติที่กำลังคืบคลานมาเยี่ยมคุณและครอบครัวในทุกๆ ฤดูกาลนี้อย่างไรบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น