วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

5/4 ปันน้ำใจ วัดบ้านไร่ใสสะอาด

5/4 ปันน้ำใจ วัดบ้านไร่ใสสะอาด :)
ณ วัดบ้านไร่ วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2554


      ณ วัดบ้านไร่วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2554 พวกเรานักเรียนชั้น ม.5/4 โรงเรียนเบณจมราชูทิศ ราชบุรี ได้แก่ น.ส.ชุติกาญจน์ , น.ส.ปุณยาพร , น.ส.วณิชชา และ น.ส.สิริพร ได้รวมกลุ่มกันไปรดน้ำต้นไม้ และกวาดเก็บขยะบริเวณบ้านไร่ เพื่อทำให้บริเวณวัดสะอาดและสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นที่ประทับใจแก่พุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญและปฏิบัติธรรม แล้วเนื่องในโอกาสที่ตรงกับวันแม่แห่งชาติพวกเราได้ร่วมทำบุญ นั่งสมาธิกับพุทธศาสนิกชนที่มาปฏิธรรมกับทางวัดด้วย

รดน้ำต้นไม้บริเวณวัด


กวาดเก็บขยะบริเวณวัด


ร่วมทำบุญ นั่งสมาธิกับพุทธศาสนิกชนที่มาปฏิธรรมกับทางวัด


วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เกิดแผ่นดินไหวใต้พื้นดิน ขนาด 4.4 ริกเตอร์ ในเปรู

        สำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ รายงานว่า เมื่อเวลา 05.16น. ตามเวลาประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 4.4 ริกเตอร์ ที่ประเทศ เปรู โดยจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ใต้พื้นดินลึกราว 161.5 กม. ห่างจากเมือง ปูคอลป้า ราว 26 กม.ห่างจากกรุงลิม่าเมืองหลวงเปรู ราว 522กม.และยังห่างจากเมือง ครูเซโร่ ของประเทศ บราซิล ราว 206 กม. เบื้องต้นยังไม่มีรายงานควาเสียหาย ผลกระทบ หรือผู้ได้รับบาดเจ็บ จากการสั่นสะเทือนครั้งนี้

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สลด !ดินถล่มเนปาล ดับ 6 ศพสูญหายนับสิบ



     เกิดเหตุดินถล่มเนื่องจากฝนตกหนักหลายแห่งในประเทศเนปาล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ และสูญหายอีก 10 ราย
     สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ว่า เกิดเหตุดินถล่มหลายแห่งขึ้นที่เขตรุคุม ประเทศเนปาล เป็นเหตุให้ครอบครัว 3 คนครอบครัวหนึ่ง ถูกฝังทั้งเป็นและเสียชีวิต และมีประชาชนอีก 10 คน ถูกดินถล่มกลืนหายไป พร้อมกับบ้านที่พวกเขาพักและยังไม่ทราบชะตากรรม โดยเจาหน้าที่ตำรวจรายงานกับสื่อท้องถิ่นว่า สาเหตุของดินถล่มเกิดจากฝนที่ตกหนัก และทางเจ้าหน้าที่กำลังตามหาตัวผู้สูญหาย แต่โอกาสที่พบพวกเขาโดยที่ยังมีชีวิตนั้นน้อยมาก
     มีรายงานถึงเหตุดินถลมอีกเหตุการณ์หนึ่งในเขตนุวากอต ในภาคกลางของเนปาล มีผู้เสียชีวิตอีก 3 คน ทั้งนี้ แต่ละปีในประเทศเนปาลจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนหลายร้อยคน และอีกหลายพันคนต้องไร้ที่อยู่ เพราะเหตุดินถล่ม ซึ่งมักเกิดจากฝนที่ตกลงมามากกับพายุมรสุม

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แผ่นดินไหวที่ "สุลาเวสี-แอตแลนติก" ยังไม่พบความเสียหาย

       สำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ความรุนแรงขนาด 5.6 ริกเตอร์ ชายฝั่งตะวันตกของเขตภูเขามินาฮาซา เกาะสุลาเวสี เมื่อเวลา 13.22 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 12.22 น. ตามเวลาเวลาประเทศไทย ที่ความลึก 151 กิโลเมตร โดยศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนอยู่ห่างจากจังหวัดโกรอนตาโล เกาะสุลาเวสี ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ราว 55 กิโลเมตร และห่างจาก จังหวัดมานาโด ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 233กิโลเมตร เบื้องต้นยังไม่พบรายงานความเสียหาย และ ผลกระทบต่อประเทศไทย
        ทั้งนี้ ทางฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เกิดเหตุแผ่นดินไหว 5.3 ริกเตอร์ ใต้ทะเลในพื้นที่ตอนกลางของเขต มิด แอตแลนติก ที่ความลึกเพียง 10 กิโลเมตร เมื่อเวลา 03.53 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 12.53 น.ตามเวลาประเทศไทย โดยศูนย์กลางแรสั่งสะเทือนอยู่ห่างจากหมู่เกาะเฟอร์นันโด เปร์นัมบูกู ของประเทศบราซิล ไปทาง ตะวันออกเฉียงเหนือราว 851 กิโลเมตร ล่าสุดยังไม่มีรายงานความเสียหาย หรือการประกาศเตือนภัยสึนามิ

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เกิดคลื่นสึนามิยาวประมาณ 250 ไมล์ ในแม่น้ำสายหนึ่งที่เมืองคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ



MThai News: สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดคลื่นสึนามิยาวประมาณ  250 ไมล์ ในแม่น้ำสายหนึ่งที่เมืองคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผานมา
     โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เกิดน้ำลดลงอย่างรวดเร็วที่ปากแม่น้ำ จนกลายเป็นคลื่นสึนามิขนาดเล็กเคลื่อนผ่านจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก ในเขตเพนแซนไปจนถึงเขตพอร์ตเมาท์ ในเวลาไม่ถึง 1 นาทีทั้งนี้ ดร.มาติน เดวิสัน จากมหาวิทยาลัยพลีมัท กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นผลมาจากทรายหรือโคลนที่อยู่ใต้น้ำเกิดถล่ม ซึ่งไม่ใช่ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงตามปกติ และไม่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวด้วยอย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้สร้างความแตกตื่นและงุนงงให้คนที่เห็นไม่น้อย บางคนกระโดดหนีด้วยความตกใจบางคนกลัวจนไม่กล้าขยับตัว เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดมาก่อนในอังกฤษ

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พายุโซนร้อน “มิอะริ” ถล่มฟิลิปปินส์ "มะนิลา" ท่วมยกเมือง


เด็กน้อยออกมาว่ายน้ำเล่นบนท้องถนนในเมืองวาเล็นซูเอลา ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา วานนี้(23)
       เอเอฟพี - ชาวฟิลิปปินส์ราว 50,000 คนต้องทิ้งบ้านเรือนไปอาศัยอยู่ในศูนย์ผู้ประสบภัย วันนี้(24) หลังพายุโซนร้อนมิอะริ (Meari) ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน เจ้าหน้าที่เผย      
       ชาวกรุงมะนิลากว่า 3,200 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนในชั่วข้ามคืน เนื่องจากพายุฝนฟ้าคะนองทำให้ฤดูมรสุมปีนี้ทวีความรุนแรงขึ้น จนน้ำท่วมถนนทั้งเมือง หน่วยป้องกันพลเรือน ระบุ
      
       เบนิโต รามอส ผู้อำนวยการสภาจัดการและลดความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า การอพยพประชาชนในเมืองหลวงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิต
      
       “โชคดีที่เราเตรียมเรือยางไว้ล่วงหน้า และประชาชนก็ให้ความร่วมมือดีมาก เมื่อเราบอกให้อพยพ พวกเขาก็ปฏิบัติตามทันที” รามอส กล่าว
      
       อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้สูญหายอีก 11 คนในคาบสมุทรไบคอลบนเกาะลูซอน ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากพายุโซนร้อนมิอะริที่พัดผ่านภาคตะวันออกของฟิลิปปินส์ สภาจัดการและลดความเสี่ยงภัยพิบัติ เผย
      
       ผู้สูญหาย 10 คนเป็นชาวประมงบนเกาะคาตันดูอาเนส ที่ออกเรือไปหาปลาก่อนที่พายุโซนร้อนมิอะริจะพัดเข้าฝั่ง ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงที่ถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดพาไป
      
       ฝนที่ตกต่อเนื่องมาตลอดทั้งสัปดาห์เริ่มทวีความรุนแรงวานนี้(23) ทำให้ประชาชนต้องเร่งอพยพออกจากที่พักอาศัย ด้วยเกรงจะเกิดอุทกภัยหรือดินถล่ม
      
       โรงเรียนในกรุงมะนิลาส่วนใหญ่ปิดทำการในวันนี้(24) เนื่องจากกระแสน้ำพัดพาซากปรักหักพังไปกีดขวางเส้นทางสัญจรในเมือง
      
       สำนักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า พายุโซนร้อนมิอะริมีกำลังแรงขึ้น และกำลังมุ่งไปทางตะวันตกเฉียงเหนือสู่ไต้หวันด้วยความเร็วลม 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง




วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พายุถล่มอินเดียเสียหายยับ



พายุกระหน่ำภาคตะวันออกอินเดียตายสูญหายเพียบ เรือประมงสูญหายกว่า 33 ลำ ลูกเรือ 528 ยังไม่ทราบชะตากรรม
    วันที่ 17 มิ.ย. สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองกอลกาตา ประเทศอินเดีย ว่า พายุฝนฤดูมรสุมซัดกระหน่ำ พื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกของอินเดียอย่างหนัก โดยเฉพาะในเขตรัฐเบงกอลตะวันตก ซึ่งรายงานในวันศุกร์ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ศพ และเรือประมงสูญหายไปกับคลื่นทะเลคลั่งในอ่าวเบงกอล 33 ลำ พร้อมกับลูกเรืออย่างน้อย 528 คน ล่าสุดยังไม่ทราบชะตากรรม
ส่วนนายโกคัล จันทรา เทพนัธ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตินิยมวิทยารัฐเบงกอลตะวันตก เผยว่า พายุฝนทำให้น้ำเอ่อท่วมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองกอลกาตา และบ้านเรือนพังเสียหายจากพายุหลายร้อยหลัง ทางการได้จัดส่งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ออกตามหาเรือประมงที่สูญหายในอ่าวเบงกอลแล้ว.

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ฟ้าผ่ากลางภูเขาไฟในชิลีสวยงาม แต่น่าสะพรึงกลัว!


Mthai news: สำนักข่าวต่างประเทศมีการเผยแพร่ภาพอันน่าทึ่ง หลังจากที่เกิดภูเขาไฟ ปูเยฮิว ทางตอนใต้ของชิลีระเบิดเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี เมื่อวันที่5 มิ.ย.ที่ผ่านมา  หลังจากการระเบิดดังกล่าวได้ทำให้เกิดก๊าซพุ่งสูงกว่า 10 กิโลเมตรในอากาศ โดยช่างภาพทั้งมืออาชีพ และมือสมัครเล่นต่างบันทึกภาพ แสงไฟที่เกิดจากการฟ้าผ่าภายในก้อนเมฆที่สวยงามแต่แฝงด้วยความน่าสะพรึงกลัว

นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) ซึ่งแตกต่างจากฟ้าผ่าทั่วๆไป นั่นก็คือ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นห้วงสั้นมากๆ เพียงแค่ไม่กี่มิลลิวินาที และหากหินภูเขาไฟมีความต้านทานไฟฟ้าสูง ก็จะมีโอกาศที่จะเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้มากขึ้น

ทั้งนี้ ผลจากการปะทุของภูเขาไฟทำให้มีเถ้าถ่านสีขาวปกคลุมไปทั่วเมือง ซึ่งเมือง บาริโลช ของอาร์เจนติน่า ที่อยู่ห่างจากภูเขาไฟลูกดังกล่าวไป 100 กิโลเมตร และทางการได้เตือนประชาชนโดยรอบราว3,500คนให้อยู่แต่ภายในบ้านเรือน และปิดประตูและหน้าต่างเพื่อกันไม่ให้เถ้าถ่านลอยเข้ามา ในบ้านเรือน

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554

‘แกนโลกเคลื่อน’ ความหวั่นวิตกของอนาคตที่ควรรู้

     หมู่เกาะโซโลมอน 7.1 ริกเตอร์ (3 มกราคม 2553) เฮติ 7.0 ริกเตอร์
(12 มกราคม 2553) ปาปัวนิวกินี 6.2 ริกเตอร์ (1 กุมภาพันธ์ 2553) แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา 5.9 ริกเตอร์ (4 กุมภาพันธ์ 2553) เกาะริวกิว ญี่ปุ่น 7.0 ริกเตอร์ (26 กุมภาพันธ์ 2553) ชิลี 8.8 ริกเตอร์ (27 กุมภาพันธ์ 2553) ไต้หวัน 6.4 ริกเตอร์ (4 มีนาคม 2553) นี่คือเหตุการณ์การเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เมื่อไม่นานบนโลกนี้ และอีกหลายประเทศทางใต้ของประเทศไทยอย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ยังคงเกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องรวมทั้ง...

                ล่าสุดบ่ายวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554 ในขณะที่ทุกคนบนโลกใช้ชีวิตตามปกติ ก็เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวมาเยือนโลกใบนี้อีกครั้ง สถานที่เกิดเหตุห่างจากจังหวัดมิยากิ หมู่เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น 130 กิโลเมตร และห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 380 กิโลเมตร

                แรงสั่นสะเทือนจากการเกิดแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ ส่งผลกระทบทำให้เกิดคลื่นยักษ์หรือสึนามิสูงกว่า 10 เมตร ซัดถล่มบริเวณพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดมิยากิได้รับความเสียหายรุนแรงในรอบ 140 ปี ถึงขนาดทำให้เกาะฮอนชูเขยื้อน 8 ฟุต และทำให้แกนโลกเคลื่อน 10 กว่าเซนติเมตร (ซึ่งเป็นแกนโลกสมมติ) เหตุการณ์นี้ได้สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินชาวญี่ปุ่นอย่างมหาศาล

               
หลายสมมติฐานตั้งข้อสังเกตว่า หากแกนโลกเคลื่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทั้งอากาศ เวลา และอื่นๆ ไปดูกันว่านักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นเขาได้คาดการณ์ไว้ว่าอย่างไรบ้างแกนโลกเคลื่อนเรื่อยๆ อยู่แล้ว                เบนจามิน ฟง เจา นักวิทยาศาสตร์แห่งศูนย์เที่ยวบินอวกาศ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (นาซา) กล่าวไว้ว่า ผลกระทบจากแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศชิลีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 ทำให้แกนของโลกเอียงไปจากตำแหน่งเดิม แม้จะไม่สำคัญเท่าใดนัก แต่ก็เปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิมอย่างถาวร

                แล้วยังส่งผลให้ระยะเวลาในหนึ่งวันสั้นหรือช้าลงไป 1.26 ไมโครวินาที (1 ไมโครวินาที เท่ากับ 1 ในล้านวินาที)

                และแผ่นดินไหวที่ชิลี 8.8 ริกเตอร์ ทำให้แกนโลกเอียงไป 8 เซนติเมตร จึงทำให้โลกร้อนเพิ่มขึ้นและโลกหนาวเพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วขึ้น

                ผลที่ตามมาก็คือชายฝั่งทะเลทั่วโลกจมน้ำเพิ่มขึ้นทุกปี ฝนตกมากนานผิดปกติในแต่ละพื้นที่ ดินบนภูเขาพังทลายทับหมู่บ้าน และน้ำท่วมนานนับเดือน เพราะน้ำทะเลเอ่อสูงดันน้ำในแม่น้ำไว้

                ซึ่งก่อนและหลังจากแผ่นดินไหว ก็มีเหตุธรรมชาติที่เกิดมาแล้วทั่วโลก ที่เป็นสิ่งบ่งชี้หรือว่าเตือนมนุษย์โลกแล้ว นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า แกนโลกจะเอียงหนึ่งครั้งในทุก 40,000 ปีเศษๆ



หากแกนโลกพลิก                อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนของแกนโลก หากเคลื่อนไปมากจนเกิดปรากฏการณ์แกนโลกพลิกตัว ซึ่งทางองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือองค์การนาซา (National Aeronautics and Space Administration - NASA) (นาซา)เคยนำคำพูดที่น่ากลัวมากล่าวถึงในที่สาธารณะเกี่ยวกับการพลิกกลับขั้วโลก จะทำให้คุณสมบัติของแม่เหล็กของโลกอ่อนแอและเบี่ยงเบนไป การพลิกกลับเกี่ยวกับขั้วของโลกและดวงอาทิตย์เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาที่จริง ดังต่อไปนี้

                ระบบอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)
                เกิดการอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
                ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก
                ทำให้เกิดภูเขาไฟเพิ่มขึ้น, เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม
                สนามแม่เหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับ อันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
                กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
                แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

              
  ทั้งนี้ทั้งนั้น เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น เมื่อแกนโลกเกิดการพลิกตัว

ส่วนข้อมูลที่มักได้ยินว่า โดยปกติแกนโลกก็เคลื่อนอยู่แล้วตามธรรมชาติ ก็น่าจะเป็นความเข้าใจสับสนระหว่างแกนโลกกับแกนแม่เหล็กโลก

                “ข่าวที่ว่าแกนโลกมีการเคลื่อนอยู่ตลอดจริงๆ แล้วคือแกนแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก ซึ่งเกิดจากโลหะเหลวภายในโลก ภายใต้อุณหภูมิสูงๆ ในเปลือกโลกและมีการไหลวน ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าและผลิตสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมา โดยปกติแล้วมันจะกลับทิศของขั้วเหนือ-ใต้อยู่บ้าง ซึ่งปัจจุบันนี้มันก็ไม่ตรงกับแกนหมุนของโลก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แกนแม่เหล็กเคลื่อนอาจจะเป็นสาเหตุเดียวกับที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว เพราะการที่เปลือกโลกมันเคลื่อนเนื่องจากมีการไหลวนของของเหลวภายในเปลือกโลก”

                เช่นเดียวกันกับวรวุฒิ ตันติวนิช อดีตผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรธรณี ที่อธิบายถึงข้อมูลที่หลายคนเข้าใจว่า แกนโลกนั้นเคลื่อนที่จริงๆ เป็นความเข้าใจผิด เพราะที่เคลื่อนคือแกนโลกสมมติต่างหาก

                "เรื่องแกนโลกที่ทำให้โลกหมุนกับแกนโลกสมมตินี้ มันเป็นคนละเรื่องกัน เพราะแกนโลกสมมติได้มาจากการใช้ดาวเทียมจีพีเอส เพื่อคำนวณหารูปทรงของโลก เพราะฉะนั้นถ้ามันเปลี่ยนไปนิดเดียวก็ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นเลย ขณะที่แกนโลกจริง มันต้องเอียงอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่เอียงก็ไม่มีฤดู

                "แต่สาเหตุที่เขาต้องประกาศออกมา เพราะถ้าอะไรมันเคลื่อนไปนิดหนึ่ง ก็จะทำให้สมมาตรของโลก ซึ่งภาษา’รางวัด’ ของ เรียกว่า จิออย มันเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเวลาที่แผ่นดินไหว เปลือกโลกมันเคลื่อน น้ำหนักมันเคลื่อน ขยับตัวไป ลักษณะภูมิประเทศมันเปลี่ยนไป ก็ทำให้แกนโลกสมมตินี้ขยับไปนิดหนึ่ง แล้วที่สำคัญแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ทุกครั้ง นาซาจะต้องคำนวณว่า แกนโลกสมมติเปลี่ยนไปอย่างไร เพื่อจะปรับตัวจิออย จะได้อ่านค่าจีพีเอสได้เหมือนเดิม"

                ถึงอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าแกนโลกสมมติหรือแกนโลกจริงจะเอียงหรือเคลื่อนที่ไปเท่าไหร่แล้ว แต่ความเป็นจริงในตอนนี้ก็คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่าหวาดกลัวของเหล่ามนุษยชาติได้เกิดขึ้นจริง และเราก็ได้เห็นกันบ่อยๆ แล้ว ซึ่งนอกจากจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงแล้วยังเกิดขึ้นในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น ‘2012 วันสิ้นโลก’ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว หรือสึนามิ หรือภาพยนตร์ไทยเรื่อง ‘2022 Tsunami สึนามิ วันโลกสังหาร’ นั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์ก็เตรียมตัวและเตรียมใจรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ที่เรียกว่า 'ภัยธรรมชาติ' ไว้แล้วเสมอ แล้วคุณล่ะเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่เริ่มผิดปกติที่กำลังคืบคลานมาเยี่ยมคุณและครอบครัวในทุกๆ
ฤดูกาลนี้อย่างไรบ้าง